เครื่องช่วยฟัง คืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็กชนิดหนึ่งที่ทำหน้าที่ช่วยขยายเสียงต่างๆให้เหมาะสมกับระดับการได้ยินของผู้ใช้งานแต่ละรายโดยเครื่องช่วยฟังจะขยายเสียงทุกเสียงทั้งเสียงคำพูดและเสียงต่างๆในสิ่งแวดล้อมทีผู้ ใช้งานอยู่แต่ไม่สามารถเลือกขยายเสียงเฉพาะเสียงคำพูดโดยไม่มีเสียงรบกวนได้
โดยเครื่องช่วยฟังก็มีข้อจำกัดในการใช้งานอยู่ คือ คุณภาพเสียงมักไม่เป็นธรรมชาติ มีลักษณะคล้ายเสียงที่ผ่านลำโพง ความชัดเจนของเสียงจะขึ้นอยู่กับประสาทการได้ยินที่คงเหลืออยู่ของ ผู้ใช้งานแต่ละรายโดยการใส่เครื่องช่วยฟังนั้นไม่มีผลต่อการรักษาโรคหูหรือทำให้การสูญเสียการได้ยินของผู้ทีใช้งานให้หายไปsinvแก้ไขการสูญเสียการได้ยินได้อย่างแท้จริง
แต่เครื่องช่วยฟัง เป็นเพียงตัวช่วยในการได้ยินที่ดีและมีประสิทธิภาพขึ้นเท่านั้น เครื่องช่วยฟังใช้สำหรับช่วยเหลือผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับระบบการได้ยินต่างๆ รวมถึง การสูญเสียการได้ยินของ ประสาทหูเสื่อม หรือ การสูญเสียการได้ยิน และ อาการ หูหนวกข้างเดียว โดยปกติแล้ว ผู้ที่สามารถใช้เครื่องช่วยฟัง จะได้รับการพิจารณาโดยแพทย์สาขาโสตวิทยาหรือผู้เชี่ยวชาญ
ด้านการได้ยินที่ผ่านการรับรองซึ่งพิจารณาความเหมาะสมเครื่องช่วยฟังโดยพิจารณาจากลักษณะอาการและระดับของการสูญเสียการได้ยินของแต่ละบุคคล
ประโยชน์ที่ผู้ใช้เครื่องช่วยฟังได้รับนั้นมีหลายปัจจัย ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงและสาเหตุของการสูญเสียการได้ยิน รวมไปถึงลักษณะเฉพาะบุคคล อย่าง บุคลิกภาพ,วิถีชีวิตและสุขภาพของผู้ใช้และที่สำคัญคือผู้คนส่วนมากมักจะซื้อเครื่องช่วยฟังที่ขายตาม เคาน์เตอร์ ซึ่งแก้ปัญหาการสูญเสียการได้ยินเล็กน้อยถึงปานกลาง แต่หากอยากให้ได้รับประสิทธิภาพสูงสุดควนซื้อเครื่องช่วยฟังที่ได้รับการออกแบบให้ผู้ใช้ปรับเปลี่ยนได้ จากการแนะนำของแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ
โดยเครื่องช่วยฟังนั้นมีส่วนประกอบที่สำคัญ 3 สิ่ง คือ
1.ตัวขยายเสียง หรือ Amplify
2.ไมโครโฟน หรือ Microphone
3. ลำโพง หรือ Receiver
เครื่องช่วยฟังมี 2 ระบบ คือ
1.เครื่องช่วยฟังระบบอนาล็อค (Analog)
คือเครื่องช่วยฟังที่แอมพลิฟายเออร์เป็นแบบเก่า เปรียบเหมือนเครื่องโทรศัพท์มือถือแบบเก่าเมื่อ 4-5 ปีก่อน ข้อดีคือราคาไม่สูงมาก และเครื่องมีกำลังขยายสูงมากๆ ในปัจจุบันมีผู้ผลิตน้อยรายที่ผลิตเครื่องแบบนี้ เพราะต้นทุนในการผลิตยุ่งยากและตันทุนสูงกว่ามาก
2.เครื่องช่วยฟังระบบดิจิตอล (Digital)
คือเครื่องช่วยฟังที่แอมพลิฟายเออร์เป็นไมโครชิพเหมือนชิพในคอมพิวเตอร์ สามารถที่จะโปรแกรมด้วยซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ จึงสามารถทำงานได้เร็วมาก เพียงหนึ่งในแสนวินาที และทำงานได้หลายรูปแบบตามที่ออกแบบ เช่น ให้ขยายเสียงที่เบาให้มากๆ ไม่ขยายเสียงที่ดังอยู่แล้ว เป็นต้น
เครื่องช่วยฟังแบ่งเป็น 3 แบบ คือ
1.เครื่องช่วยฟังแบบกล่อง
2.เครื่องช่วยฟังแบบแขวนหลังหู
3.เครื่องช่วยฟังแบบใส่ในช่องหู ซึ่งแบ่งตามขนาดได้ 4 แบบ
– แบบไมโครใส่ในช่องหู (IIC = Invisible in the Canal)
– แบบจิ๋วใส่ในรูหู (CIC = Completely in the Canal)
– แบบเล็กใส่ในช่องหู (ITC = In the Canal)
– แบบใหญ่ใส่ในช่องหู (ITE = In the Ear)
อย่างไรก็ตามเมื่อเรารู้สึกถึงความผิดปกติของหูเรา หรือความผิดปกติของคนรอบข้าง เริ่มพูดเสียงดังขึ้น หรือตะโกนคุยกัน ไม่สามารถได้ยินเสียงรอบข้างได้ เราควรจะรีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อที่จะได้เกิดการตรวจอย่างละเอียด และทำการรักษาอย่างโดยด่วน ไม่ควรปล่อยให้เวลาทิ้งไปโดยที่ไม่รีบหาทางแก้ไขหรือรักษา